5 อันดับหลักสูตรอบรมเซฟตี้ยอดนิยมในปี 2025
ในปี 2025 การฝึกอบรมด้านความปลอดภัยในการทำงานยังคงเป็นหัวใจสำคัญขององค์กรที่ต้องการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพโดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงสูง การอบรมที่มีคุณภาพและได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงเป็นสิ่งจำเป็นบทความนี้เซฟตี้อินไทย จะนำเสนอ 5 หลักสูตรอบรมด้านความปลอดภัยที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปี 2025
5 อันดับหลักสูตรอบรมเซฟตี้ยอดนิยมในปี 2025
1.หลักสูตรเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน (จป.) ทุกระดับ
หลักสูตรนี้เป็นพื้นฐานสำหรับการบริหารจัดการความปลอดภัยในองค์กร โดยแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่
- จป. หัวหน้างาน เหมาะสำหรับผู้ที่มีหน้าที่ควบคุมดูแลพนักงานในระดับปฏิบัติการ
- จป. เทคนิค เน้นการวิเคราะห์และประเมินความเสี่ยงในงานต่างๆ
- จป. บริหาร สำหรับผู้บริหารที่ต้องการวางแผนและกำหนดนโยบายด้านความปลอดภัย
หลักสูตรเหล่านี้ได้รับการรับรองจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และมีการจัดอบรมโดยสถาบันต่างๆ เช่น เซฟตี้อินไทย
เหตุผลที่ต้องอบรม
- ตามกฎกระทรวงการจัดให้มีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน พ.ศ. 2565 นายจ้างต้องแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในระดับต่างๆ ตามจำนวนลูกจ้างและลักษณะของกิจการ
- เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยมีบทบาทในการวางแผน ตรวจสอบ และประเมินความเสี่ยง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุและส่งเสริมสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย
2.หลักสูตรคณะกรรมการความปลอดภัย (คปอ.)
หลักสูตรนี้มุ่งเน้นการเสริมสร้างความรู้และทักษะให้กับ คณะกรรมการความปลอดภัยในการทำงาน เพื่อให้สามารถวิเคราะห์และประเมินความเสี่ยง รวมถึงกำหนดมาตรการป้องกันอันตรายได้อย่างมีประสิทธิภาพการอบรมนี้เป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมาย และมีการจัดอบรมโดยสถาบันต่างๆ เช่น เซฟตี้อินไทย
- เน้นการสร้างความเข้าใจในบทบาทและหน้าที่ของคณะกรรมการความปลอดภัย
- เสริมสร้างทักษะในการวิเคราะห์และประเมินความเสี่ยงในสถานประกอบการ
- เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการมีระบบบริหารจัดการความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ
เหตุผลที่ต้องอบรม
- ตามกฎกระทรวงการจัดให้มีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน พ.ศ. 2565 กำหนดให้นายจ้างต้องจัดตั้งคณะกรรมการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน และต้องมีการอบรมเพื่อให้คณะกรรมการมีความรู้และความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ของตน
- คณะกรรมการความปลอดภัยมีหน้าที่ในการกำหนดนโยบายและมาตรการด้านความปลอดภัย รวมถึงการตรวจสอบและประเมินผลการดำเนินงานด้านความปลอดภัยภายในองค์กร
3.หลักสูตรการทำงานบนที่สูง
การทำงานบนที่สูงเป็นงานที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดอุบัติเหตุ หลักสูตรนี้จึงเน้นการฝึกอบรมการทำงานในที่สูงอย่างปลอดภัย รวมถึงการใช้อุปกรณ์ป้องกันการตก และการปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยสถาบันที่มีความเชี่ยวชาญในการจัดอบรมหลักสูตรนี้ ได้แก่ เซฟตี้อินไทย
- เน้นการฝึกอบรมการทำงานในที่สูงอย่างปลอดภัย
- รวมถึงการใช้อุปกรณ์ป้องกันการตกและการปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัย
- เหมาะสำหรับงานที่เกี่ยวข้องกับการทำงานบนที่สูง เช่น งานก่อสร้าง งานซ่อมบำรุง
เหตุผลที่ต้องอบรม:
- ตาม กฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัยในการทำงานในสถานที่ที่มีอันตรายจากการตกจากที่สูง พ.ศ. 2564 คลิกที่นี่ นายจ้างต้องจัดให้มีการอบรมและชี้แจงให้ลูกจ้างได้รับทราบถึงข้อบังคับและขั้นตอนการปฏิบัติงานเพื่อความปลอดภัยในการทำงานบนที่สูง
- การอบรมช่วยให้พนักงานมีความรู้ในการใช้อุปกรณ์ป้องกันการตก และสามารถปฏิบัติงานบนที่สูงได้อย่างปลอดภัย ลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น
4.หลักสูตรการวิเคราะห์งานเพื่อความปลอดภัย (JSA) และการประเมินความเสี่ยง (Risk Assessment)
หลักสูตรนี้เน้นการวิเคราะห์งานเพื่อระบุอันตรายและกำหนดมาตรการป้องกัน รวมถึงเสริมสร้างทักษะในการประเมินความเสี่ยงและการวางแผนการทำงานอย่างปลอดภัยเหมาะสำหรับผู้ที่มีหน้าที่ในการวางแผนและควบคุมงานสถาบันที่จัดอบรมหลักสูตรนี้ ได้แก่ เซฟตี้อินไทย
- เน้นการวิเคราะห์งานเพื่อระบุอันตรายและกำหนดมาตรการป้องกัน
- เสริมสร้างทักษะในการประเมินความเสี่ยงและการวางแผนการทำงานอย่างปลอดภัย
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีหน้าที่ในการวางแผนและควบคุมงาน
เหตุผลที่ต้องอบรม:
- พระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554 มาตรา 13 และ 14 กำหนดให้นายจ้างต้องจัดให้มีการประเมินความเสี่ยงและจัดทำมาตรการป้องกันอันตรายในการทำงาน ซึ่งการวิเคราะห์งานเพื่อความปลอดภัย (JSA) เป็นหนึ่งในวิธีการที่ใช้ในการประเมินความเสี่ยงดังกล่าว
- การวิเคราะห์งานเพื่อความปลอดภัยช่วยให้พนักงานสามารถระบุอันตรายที่อาจเกิดขึ้นในแต่ละขั้นตอนของงาน และกำหนดมาตรการป้องกันที่เหมาะสม ลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ
5.หลักสูตรการปฐมพยาบาลและการกู้ชีพเบื้องต้น (First Aid & CPR)
หลักสูตรนี้เน้นการฝึกอบรมการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและการช่วยชีวิตผู้ประสบอุบัติเหตุ รวมถึงการใช้เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติ (AED)เหมาะสำหรับพนักงานทุกระดับในองค์กรสถาบันที่จัดอบรมหลักสูตรนี้ ได้แก่ เซฟตี้อินไทย
- เน้นการฝึกอบรมการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและการช่วยชีวิตผู้ประสบอุบัติเหตุ
- เสริมสร้างความมั่นใจในการตอบสนองต่อเหตุการณ์ฉุกเฉิน
- เหมาะสำหรับพนักงานทุกระดับในองค์กร
เหตุผลที่ต้องอบรม
- พระราชบัญญัติการแพทย์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2551 กำหนดให้มีการจัดตั้งระบบการแพทย์ฉุกเฉินที่มีประสิทธิภาพ โดยส่งเสริมให้หน่วยงานต่างๆ มีการเตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉิน ซึ่งรวมถึงการฝึกอบรมการปฐมพยาบาลและการกู้ชีพเบื้องต้น
- การอบรมช่วยให้พนักงานสามารถให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้นและการช่วยชีวิตผู้ประสบอุบัติเหตุได้อย่างถูกต้องและทันท่วงที ลดความรุนแรงของการบาดเจ็บและเพิ่มโอกาสในการรอดชีวิต
สรุป
การอบรมหลักสูตรด้านความปลอดภัยในการทำงานไม่เพียงแต่เป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย แต่ยังเป็นการลงทุนในทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่า ช่วยเสริมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยภายในองค์กร และส่งเสริมความยั่งยืนของธุรกิจในระยะยาว หากคุณกำลังมองหาสถานที่อบรมหลักสูตรด้านความปลอดภัยในการทำงานทั้ง 5 หลักสูตรที่สำคัญในปี 2025 เซฟตี้อินไทย (SafetyInThai) เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมอย่างยิ่งเนื่องจากมีประสบการณ์ยาวนานกว่า 19 ปี และได้รับการรับรองจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานให้เป็นหน่วยฝึกอบรมด้านความปลอดภัยฯ เลขที่ใบอนุญาต จป. ๑๓-๖๖-๐๐๖